ระบบกรองน้ำที่ดี สำหรับร้านกาแฟ
ระบบกรองน้ำที่ดีสำหรับร้านกาแฟ ควรเน้นการกรองที่ช่วย ลดตะกอน และ ปรับความกระด้างของน้ำ เพื่อยืดอายุเครื่องชงกาแฟและรักษาคุณภาพรสชาติกาแฟให้คงที่ ระบบ Reverse Osmosis (RO) เป็นตัวเลือกที่นิยมที่สุด เพราะกรองแร่ธาตุและสารปนเปื้อนได้ละเอียด แต่ต้องพิจารณาร่วมกับระบบ เรซิ่น หรือเทคโนโลยี DuoBlend เพื่อปรับค่าความกระด้าง (TDS) ให้เหมาะสมกับการชงกาแฟ
ทำไมร้านกาแฟควรใช้ระบบกรองน้ำ RO (Reverse Osmosis) ร่วมกับการปรับค่า TDS?
น้ำที่ใช้ชงกาแฟมีผลต่อรสชาติไม่แพ้เมล็ดกาแฟ การเลือกใช้ ระบบกรองน้ำแบบ RO ร่วมกับ การผสมค่า TDS จะช่วยให้ร้านกาแฟได้น้ำที่สะอาด บริสุทธิ์ และมีแร่ธาตุเหมาะสมสำหรับการสกัดกาแฟ ทำให้รสชาติที่ได้ออกมากลมกล่อม สม่ำเสมอ และยังช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องชงกาแฟอีกด้วย
เครื่องกรองน้ำ RO (Reverse Osmosis)
- กรองละเอียดถึง 0.0001 ไมครอน
- กำจัดโลหะหนัก คลอรีน เชื้อโรค และสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ
- ให้น้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ เหมาะสำหรับใช้ดื่มและชงกาแฟ
ปัญหาของน้ำ RO เพียว ๆ
- มีค่า TDS ต่ำเกินไป
- ขาดแร่ธาตุที่ช่วยดึงรสชาติกาแฟ
- ทำให้กาแฟอาจมีรสจืดและไม่เด่นชัด
การผสมค่า TDS (Blend Valve)
- นำน้ำ RO ผสมกับน้ำกรองจาก Resin Filter
- ปรับค่า TDS ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม (โดยทั่วไปประมาณ 75–150 ppm สำหรับกาแฟ)
- ทำให้กาแฟมีรสชาติกลมกล่อม ดึงคาแรคเตอร์ของเมล็ดออกมาได้อย่างชัดเจน
ประโยชน์สำหรับร้านกาแฟ
- รสชาติสม่ำเสมอ: ได้รสชาติแท้จริงของเมล็ดกาแฟ ไม่มีรสแปลกปลอมจากน้ำ
- ยืดอายุเครื่องชงกาแฟ: ลดการเกิดตะกรันและการสะสมของหินปูน
- ปลอดภัยและสะอาด: น้ำที่ผ่าน RO กำจัดสิ่งปนเปื้อนได้เกือบทั้งหมด
สิ่งที่ควรพิจารณาก่อนเลือกใช้
- คุณภาพน้ำประปา: ถ้าน้ำมีปัญหามาก ควรเลือก RO ประสิทธิภาพสูง
- ขนาดของเครื่อง: เลือกกำลังการผลิต 200–1,000 ลิตร/วัน สำหรับคาเฟ่ขนาดกลาง
- การบำรุงรักษา: เลือกแบรนด์ที่อะไหล่หาได้ง่าย และมีระบบแจ้งเตือนเปลี่ยนไส้กรอง
พร้อมสัมผัสกับ ระบบกรองน้ำกาแฟ ปรับค่า TDS
คลิก! เพื่อสั่งซื้อสินค้า