แนะนำวิธีชงกาแฟสด ที่ช่วยประหยัดเงินค่ากาแฟในกระเป๋าของคุณ
เอ๊ะ! ทุกคนคงอยากจะรู้แล้วใช่ไหมว่า มีวิธีชงกาแฟสดแบบไหนบ้างนะ ที่ทำให้เราประหยัดเงินจากการไปซื้อกาแฟดื่มในแต่วัน!
วันนี้เราจะมานำเสนอวิธีการชงกาแฟที่ง่าย และไม่ยุ่งยากเลยให้ท่านได้นำไปใช้ชงกาแฟสดดื่มที่บ้าน ก่อนไปทำงาน ไปดูกันเลยค่ะ
เราจะเริ่มที่การชงกาแฟด้วย กาเฟรนช์เพรส กาแฟดริป มอคค่าพอท กาแฟสกัดเย็น ก่อนอื่นเราไปดูก่อนนะว่าอุปกรณ์ในการชงกาแฟในแบบต่างๆ มีอะไรบ้าง เริ่มจาก
กาแฟเฟรนช์เพรส FRENCH PRESS
4. นาฬิกาจับเวลา (สามารถใช้โทรศัพท์ในการจับเวลาได้)
5. กาต้มน้ำร้อน
วิธีการชงกาแฟ French press ให้อร่อย ด้วย 10 เทคนิค
1. เมล็ดกาแฟ ให้เลือกกาแฟที่คั่วใหม่ๆ (คั่วเข้ม)
2. การบดกาแฟ (ให้ค่อนข้างหยาบที่มีขนาดใหญ่กว่าน้ำตาลทรายแดง)
3. เครื่องบดกาแฟ (แนะนำเป็นเครื่องบดมือหมุน)
4. ปริมาณกาแฟที่ใช้ชง 10 กรัม/น้ำร้อน 150 มิลลิลิตร (สำหรับชงดื่ม 1 ท่าน)
5. น้ำสะอาดที่กรองแล้วต้มน้ำ
6. ใช้อุณหภูมิน้ำที่ 90-94 องศา (หากไม่มีตัววัดอุณหภูมิ หลังจากต้มเดือดวางทิ้งไว้สัก1-2 นาทีก่อน)
7. Pre-heat ด้วยกาเทน้ำร้อนลงใน French press เพื่ออุ่นแล้วเททิ้ง
8. ใส่ผงกาแฟบดลงไป 10 g ตวงน้ำ 150 ML. เทลงไป ปิดฝาตัวกดแล้วกดก้านกาแฟลงไปแช่ทิ้งไว้ 4 นาที
9. ให้ชงดื่ม/ครั้ง ไม่ควรทำเผื่อทานอีกแล้วนำไปอุ่น เพราะมันจะทำให้กาแฟเสียรสชาติ
10. ก่อนที่จะเทกาแฟให้ทำการอุ่นแก้วด้วยการเทน้ำร้อนล้างก่อนเพื่อเก็บอุณหภูมิ
กาแฟดริปร้อน DRIP COFFEE
1. ถ้วยดริป (มีทั้งแบบใช้คู่กับกระดาษกรอง และไม่ใช้กระดาษกรอง ก็ได้ค่ะ)
2. กระดาษกรอง
3. เมล็ดกาแฟคัว/เมล็ดกาแฟคั่วบด
5. ช้อนตวง
6. กาดริป
7. นาฬิกาจับเวลา (ใช้โทรศัพท์ในการจับเวลาได้)
ขั้นตอนการทำกาแฟดริป : ใช้เวลาประมาณ 3 นาที/3 นาทีครึ่ง
1. บดเมล็ดกาแฟ 20g ให้มีหยาบระดับกลาง ใส่น้ำ 340 กรัม ถือว่าเป็นอัตราส่วน 1 : 17
2. วางกระดาษกรองลงในดริปเปอร์ เทน้ำร้อนล้างฟิลเตอร์เพื่อลดกลิ่นของกระดาษ แล้วใส่กาแฟที่บดแล้วลงตรงกลางของกระดาษกรองให้เป็นกองสูงๆ
ใช้ช้อนมาทำจุดตรงกลางไว้ (น้ำร้อนอุณหภูมิประมาณ 92-94 องศา)
3. เทน้ำช่วงที่ 1 Pre-infusion ค่อยๆ เทน้ำ จากกาดริป เริ่มหยดตรงกลางแล้ววนออกด้านนอก ให้กาแฟพอชุ่มน้ำ
ค่อยๆ หยด และเร่งความเร็วขึ้น ขั้นตอนนี้น้ำยังไม่ไหลลงมา รอเวลาประมาณ 30-45 วินาทีแรก
4. ช่วงกลาง เพิ่มความเร็วในการเทให้เร็ว และแรงขึ้นให้ได้น้ำเยอะที่สุด น้ำกาแฟบนดริปเปอร์เป็นสีทองน้ำตาล ค่อยๆ หยดจนน้ำกาแฟที่ได้เริ่มเจือจาง น้ำยุบเร็ว ขึ้น หรือช่วงน้ำปริมาณ 150ml หรือถึงนาทีที่ 2
5. ช่วงสุดท้าย เบามือลง ค่อยๆ เทช้าๆ จนครบ สีของน้ำเจือจาง และใสขึ้น ประมาณช่วงนาทีที่ 2-3
เพียง 3 นาที คุณก็จะได้กาแฟรสชาดที่่คุณชอบแล้ว
กาแฟ โคลด์บริว COLD BREW (การสกัดกาแฟด้วยความเย็น)
2. เมล็ดกาแฟคั่ว
3. เครื่องบดมือหมุน
ขั้นตอนการทำ Cold Brew โคลด์บริว
ก็ไม่มีสูตรตายตัว หลักๆ แล้วเป็นการสกัดผงกาแฟด้วยน้ำเย็นหรือน้ำอุณหภูมิห้อง
ใช้ผงกาแฟบดระดับหยาบปานกลาง
หลังจากนั้นก็นำไปใส่ตู้เย็นเพื่อรักษาระดับอุณหภูมิของน้ำกาแฟ
ใช้เวลาประมาณ 8 -16 ชั่วโมง หรือบางทีก็ 24 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ปรารถนา
ทำกันแบบง่ายๆ เพื่อดื่มกันตามบ้าน ตามออฟฟิศให้สบายอารมณ์
สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นนานถึง 3-4 สัปดาห์ทีเดียว
เมื่อแช่ถึงเวลาให้กรองเอากากกาแฟออก เพื่อไม่ให้กาแฟถูกสกัดต่อไปเรื่อยๆ
สัดส่วนของกาแฟต่อน้ำในการสกัดจะอยู่ที่ประมาณ 1:7 หรือ 1:8 สำหรับทำเป็นหัวเชื้อกาแฟ (Concentrated Cold Brew Coffee)
แล้วค่อยเติมน้ำทีหลังก่อนดื่ม หรือเติมนมสำหรับกาแฟสกัดเย็นใส่นม (White Cold Brew Coffee)
หากเป็นแบบพร้อมดื่ม (Cold Brew Coffee) สัดส่วนของกาแฟต่อน้ำจะอยู่ที่ประมาณ 1:12 – 1:14
มอคค่าพอท MOKA POT
3. ช้อนตวง (สำหรับไว้ตวงปริมาณกาแฟตามสูตรของท่าน)
4. เมล็ดกาแฟคั่วบด/ ไม่บด
5. เครื่องบดกาแฟ มือหมุน
6. เตาต้มกาแฟ (หากมีเตาที่บ้านก็เลือกกาต้มที่เป็นวัสดุที่ต้มกับเตาที่บ้านได้ค่ะ)
7. นาฬิกาจับเวลา (ใช้โทรศัพท์ในการจับเวลาได้)
วิธีการชงกาแฟ ด้วย Moka Pot
ข้อแนะนำ
– อัตราส่วนของน้ำและกาแฟ ประมาณ 200 กรัมต่อลิตร แค่เติมกาแฟบดลงไปในช่องใส่กาแฟ และเติมน้ำลงไปใน เครื่องชงกาแฟ จนถึงที่ระดับต่ำกว่าวาล์ว ลดความดันเล็กน้อย เพื่อให้กาแฟมีพื้นที่ขยับได้บ้าง
– ระดับการบด ให้บดละเอียดเหมือนเกลือ แต่ไม่ละเอียดมากจนเกินไป เพราะมันจะส่งผลถึงรสชาติที่มีรสขมมากอีกด้วย
1. เตรียมกาแฟ ที่ทำการบดผ่านตะแกรงแล้ว และใส่กาแฟก่อนที่จะชง โดยเกลี่ยให้กาแฟบดอยู่ในระดับเดียวกัน แต่อย่าเพิ่งกดกาแฟ
2. ต้มน้ำสะอาดให้ร้อน เหมาะสมกับการชงกาแฟ ซึ่งข้อดีของการใช้น้ำร้อนในการชงคือ ช่วยให้ระยะเวลาที่ กาชงกาแฟ ตั้งอยู่บนเตาสั้นลง และยังทำให้ความขมลดลงอีกด้วย
3. เติมน้ำร้อนลงในส่วนล่างของ หม้อต้มกาแฟ จนถึงระดับต่ำกว่าวาล์วเล็กน้อย และเพื่อไม่ให้เกิดแรงดันที่มากเกินไปต้องไม่เติมน้ำเกินระดับวาล์ว
4. ประกอบ Moka Pot เข้าด้วยกัน เช็คดูประเก็นยางด้วย ว่าแน่นพอหรือไม่ เพื่อป้องการการทำงานของ Moka pot ที่ขัดข้องจากนั้นใส่ตะแกรงกาแฟลงไปใน Moka Pot
5. เปิดเตาโดยใช้ไฟอ่อน หรือ ไฟกลาง แล้วตั้งหม้อ Moka Pot ลงบนเตา ทำการเปิดฝาทิ้งไว้ เมื่อน้ำในช่องด้านล่างเริ่มเดือด ยิ่งเราต้มเร็วและร้อนเท่าไหร่ ความดันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น การชงก็จะรวดเร็วขึ้น และ ความดันจากไอน้ำ จะดำน้ำผ่านท่อที่ส่งไปยังตะแกรงกาแฟ
6. เมื่อถึงจุดเดือดระดับหนึ่ง กาแฟจะเริ่มไหลออกมา ที่ช่องด้านบน ต้องฟังเสียงเหมือนเครื่องหยุดทำงาน คุณถึงจะปิดเตาและหยุดชง เพราะหากทิ้งไว้นานกว่านั้น กาแฟจะมีรสขมจัดเกินไปได้
7. หลังจากนั้น ให้เปิดน้ำเย็นไหลผ่านฐาน ของ หม้อต้มกาแฟ เพื่อให้อุณหภูมิแรงดันลดลง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ก็รินใส่แก้วกาแฟ และดื่มกาแฟสไตล์อิตาลีนี้ ให้อร่อยสุดๆไปเลย
หากท่านสนใจสินค้าอุปกรณ์สำหรับทำกาแฟเพิ่มเติมกรุณาคลิก www.koffeemart.com